Posted on Leave a comment

🍲 เมนูพื้นบ้าน: ต้มฟักทองใบแมงลัก

ต้มฟักทอง เมนูพื้นบ้าน

ผักหวานธรรมชาติ บำรุงลำไส้ สายตา และขับลม

🌟 ประโยชน์ของเมนูนี้

  • ✅ ฟักทองให้ เบต้าแคโรทีนสูง → บำรุงสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน
  • ✅ ใบแมงลักช่วย ขับลมในลำไส้ ลดอาการท้องอืด
  • ✅ เมนูน้ำใส ย่อยง่าย ไม่เลี่ยน เหมาะกับทุกวัย
  • ✅ ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่ใช้น้ำมัน ไม่ใช้น้ำตาล

🧂 ส่วนประกอบ (สำหรับ 3–4 ที่)

วัตถุดิบปริมาณ
ฟักทองเนื้อแน่น (ปอกเปลือก หั่นชิ้นพอคำ)300 กรัม
ใบแมงลักสด1 ถ้วย
น้ำเปล่า800 มล.
กระเทียมทุบ4 กลีบ
เกลือสมุทร (หรือน้ำปลาแท้)1 ช้อนชา
น้ำตาลมะพร้าว (เล็กน้อย ปรับรส)½ ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)

🍳 วิธีทำ

  1. ตั้งน้ำให้เดือด ใส่กระเทียมทุบและเกลือเล็กน้อยลงไป
  2. เมื่อน้ำเดือด ใส่ฟักทองลงต้ม ใช้ไฟกลางประมาณ 8–10 นาที จนฟักทองเริ่มนิ่ม
  3. ชิมน้ำซุป ปรุงรสเบา ๆ ด้วยเกลือหรือน้ำปลา และน้ำตาลมะพร้าวนิดเดียว
  4. ใส่ ใบแมงลัก คนเบา ๆ แล้วปิดไฟทันที เพื่อไม่ให้ใบดำ
  5. ปิดฝาไว้สักครู่ให้กลิ่นหอมฟุ้ง แล้วเสิร์ฟขณะอุ่น

🍽️ เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • หากใช้ ฟักทองบ้านหรือพันธุ์เนื้อแน่น จะมีรสหวานธรรมชาติ ไม่ต้องใส่น้ำตาล
  • ใส่ ข้าวโพดอ่อน หรือเห็ดฟาง เพิ่มเนื้อสัมผัสก็ได้
  • ถ้าชอบเผ็ดอ่อน ๆ → ใส่ พริกจินดาทุบ 1 เม็ด ก่อนเสิร์ฟ

🧾 เหมาะกับใคร?

กลุ่มเหมาะไหม?เหตุผล
เด็กย่อยง่าย ไม่เผ็ด ไม่มัน
ผู้สูงอายุฟักทองนิ่ม ให้พลังงานดี
ผู้ควบคุมน้ำหนักไม่มีไขมัน น้ำซุปใส
ผู้ป่วยเบาหวาน✅ (ไม่ใส่น้ำตาล)ใช้ฟักทองหวานธรรมชาติแทน

🔖 สรุป

ต้มฟักทองใบแมงลัก เป็นเมนูพื้นบ้านง่าย ๆ ที่ให้ทั้งคุณค่าทางอาหารและรสชาติที่กลมกล่อมจากธรรมชาติ

เหมาะสำหรับการเริ่มต้นกินอาหารเป็นยาในทุกวัย

Posted on Leave a comment

แตงกวาเย็นกายสบายใจ สมุนไพรคลายร้อนจากธรรมชาติ

แตงกวาเย็นกายสบายใจ

🥒 แตงกวา ผักธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

แตงกวาเป็นผักที่แทบทุกครัวเรือนไทยต้องมีติดตู้เย็น
กินเป็นผักจิ้มน้ำพริกก็อร่อย กินแนมในข้าวมันไก่ก็สดชื่น
แต่รู้ไหมว่า… แตงกวานั้นเต็มไปด้วยคุณค่าต่อสุขภาพโดยเฉพาะเรื่อง คลายร้อน ช่วยขับของเสีย และบำรุงผิว

✅ คุณค่าทางโภชนาการของแตงกวา

สารอาหารประโยชน์
น้ำ 95%ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย
วิตามิน C, Kเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงผิว
ซิลิกา (Silica)ป้องกันผิวแห้ง ผมร่วง เล็บเปราะ
โพแทสเซียมควบคุมความดันโลหิต
ไฟเบอร์ช่วยย่อย ลดอาการท้องผูก

🌟 ประโยชน์ของแตงกวาต่อสุขภาพ

1. 🌡️ ลดความร้อนในร่างกาย

แตงกวามีน้ำสูงและรสเย็นธรรมชาติ
เหมาะกับผู้ที่อยู่ในที่ร้อน หรือออกแดดเป็นเวลานาน

2. 💧 ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

การกินแตงกวาช่วยป้องกันผิวแห้งในช่วงอากาศร้อน
หรือผู้ที่ดื่มน้ำน้อยในแต่ละวัน

3. 🧼 ช่วยล้างสารพิษ (Detox)

แตงกวามีคุณสมบัติขับของเสียทางปัสสาวะ
และช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น

4. 🧴 บำรุงผิว ผม และเล็บ

ซิลิกาในแตงกวาช่วยเสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ
ลดการหลุดร่วงของเส้นผม และป้องกันผิวลอก

5. 💓 ควบคุมความดันโลหิต

แตงกวามีโซเดียมต่ำและโพแทสเซียมสูง
เหมาะกับผู้ที่ควบคุมความดัน หรือเป็นโรคหัวใจ

🍽️ วิธีรับประทานแตงกวาให้ได้ผลดีที่สุด

วิธีเคล็ดลับสุขภาพ
กินสดแนมน้ำพริกผิวไม่ต้องปอก → ได้สารอาหารเต็มที่
น้ำแตงกวาปั่นใส่มะนาวเล็กน้อย เพิ่มรสชาติ
ดองเปรี้ยวหวานทำได้แต่ไม่ควรใส่น้ำตาลมาก
แตงกวาในสลัดผสมโยเกิร์ตหรือน้ำมันมะกอก

⚠️ ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรกินแตงกวาดิบเกิน 3 ลูกต่อวัน (อาจทำให้ท้องอืดในบางคน)
  • ล้างเปลือกให้สะอาดก่อนรับประทาน เพราะเปลือกมีสารอาหารมาก
  • ผู้ที่มีลำไส้อ่อนหรือกระเพาะไว ควรกินแตงกวาหลังอาหาร

🛒 วิธีเลือกแตงกวาปลอดภัย

  • ผิวเขียวสด ไม่มีจุดช้ำ
  • เลือกที่ไม่มีคราบแป้ง (ไม่ควรผ่านสารเคลือบผิว)
  • หากปลูกเอง ควรใช้วิธีอินทรีย์และหลีกเลี่ยงสารกำจัดศัตรูพืช

🔖 สรุป

แตงกวาไม่ได้มีดีแค่ “กินแล้วสดชื่น” แต่ยังเป็นผักสุขภาพที่เหมาะกับทุกวัย

แตงกวา… ผักเย็นใจ ช่วยให้กายสดชื่นแบบธรรมชาติ

Posted on Leave a comment

ประโยชน์ของใบเตย กลิ่นหอมธรรมชาติที่ดีต่อทั้งกายและใจ

ใบเตย กลิ่นหอมธรรมชาติที่ดีต่อทั้งกายและใจ

🌿 รู้จัก “ใบเตย” สมุนไพรหอมเย็นที่มากกว่าการแต่งกลิ่น

“ใบเตย” (Pandanus amaryllifolius) คือพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
นิยมใช้ในอาหาร ขนม และเครื่องดื่มไทยมาตั้งแต่โบราณ
แต่คุณรู้หรือไม่ว่า… กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบเตยไม่ได้มีดีแค่ทำให้ขนมหอม —

แต่มันยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงสุขภาพได้อย่างน่าทึ่ง!

✅ สารสำคัญในใบเตย

สารประกอบคุณสมบัติ
สารหอม (2-acetyl-1-pyrroline)กลิ่นหอมคลายเครียด
สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)ต้านอนุมูลอิสระ
สารโพลีฟีนอลช่วยลดการอักเสบ
โพแทสเซียม / แคลเซียมบำรุงหัวใจและกล้ามเนื้อ
สารคลอโรฟิลล์ช่วยล้างสารพิษในเลือด

🌟 ประโยชน์ของใบเตยต่อร่างกาย

1. 😌 ผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับดี

กลิ่นหอมจากใบเตยมีฤทธิ์ช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ

2. 🧃 ช่วยลดความดันโลหิต

น้ำใบเตยอุ่น ๆ วันละ 1 แก้ว มีส่วนช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
เหมาะกับผู้ที่มีภาวะความดันสูง

3. 💧 ขับปัสสาวะ ลดบวมน้ำ

ใบเตยมีฤทธิ์ขับปัสสาวะเบา ๆ ช่วยลดอาการบวมน้ำโดยไม่รบกวนไต

4. 💚 บำรุงหัวใจและกล้ามเนื้อ

แร่ธาตุในใบเตย เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม
มีบทบาทต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ

5. 🌱 ช่วยล้างพิษในร่างกาย

ใบเตยอุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลล์และไฟเบอร์
ช่วยล้างสารพิษในเลือดและลดระดับน้ำตาลในเลือด

🍵 วิธีใช้ใบเตยในชีวิตประจำวัน

✅ น้ำใบเตยสด

  • หั่นใบเตย 5–10 ใบ ต้มในน้ำ 1 ลิตร
  • ดื่มอุ่น ๆ หรือแช่เย็น ดื่มวันละ 1–2 แก้ว
  • ไม่ควรเติมน้ำตาล หรือใช้น้ำผึ้งเล็กน้อยแทน

✅ แต่งกลิ่นอาหาร-ขนม

  • ใช้ใบเตยหอมบดในขนมไทย เช่น ขนมชั้น ขนมถ้วย
  • หั่นใส่ข้าวสวยขณะหุงเพื่อแต่งกลิ่นธรรมชาติ

✅ ปักแจกันในห้องนอน

  • ใบเตยหั่น + น้ำเปล่าในแก้ว วางใกล้หัวเตียง
  • ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายและหอมสดชื่น

⚠️ ข้อควรระวังในการบริโภคใบเตย

  • ดื่มในปริมาณพอเหมาะ ไม่ควรเกินวันละ 2 แก้ว
  • หญิงตั้งครรภ์และผู้ป่วยไตควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มร่วมกับยาลดความดัน

🛒 การเลือกซื้อใบเตยปลอดภัย

  • ใบเขียวสด ไม่มีจุดเหลืองหรือเหี่ยว
  • ควรเลือกจากเกษตรกรที่ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี
  • ล้างใบก่อนต้มอย่างน้อย 2 น้ำ หรือแช่น้ำเกลือก่อน

🔖 สรุป

ใบเตย คือสมุนไพรที่ทั้ง “หอม” และ “มีคุณค่า” ต่อสุขภาพ

เปลี่ยนแค่การดื่มน้ำใบเตยวันละแก้ว อาจเปลี่ยนคุณให้เป็นคนที่สุขภาพดีขึ้นได้ทุกวัน

Posted on Leave a comment

ประโยชน์ของข่า สมุนไพรไทยที่มากกว่ากลิ่นหอมในต้มยำ

ข่า: สมุนไพรประจำครัวไทยที่เป็นได้มากกว่าเครื่องปรุง

🌿 ข่า: สมุนไพรประจำครัวไทยที่เป็นได้มากกว่าเครื่องปรุง

“ข่า” คือสมุนไพรที่แทบทุกบ้านไทยต้องมีติดครัว
กลิ่นหอมเฉพาะตัวของมันเป็นหัวใจสำคัญของเมนูยอดนิยม เช่น ต้มยำ ต้มข่าไก่ ฯลฯ
แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ข่าไม่ใช่แค่ปรุงอาหาร — แต่ยังเป็น “ยาในครัว” ที่มีคุณค่าต่อสุขภาพมากมาย

🧪 สารสำคัญในข่า

สารประกอบคุณสมบัติ
Galanginต้านแบคทีเรียและไวรัส
Flavonoidsต้านอนุมูลอิสระ
Essential Oilsลดการอักเสบ แก้ปวด
Alpinetinช่วยขับลม แก้ท้องอืด
Quercetinเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

🌟 ประโยชน์ของข่าต่อร่างกาย

1. 💨 ขับลม แก้จุกเสียด

ข่าช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
ลดอาการท้องอืด แน่นท้อง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

2. 🛡️ เสริมภูมิคุ้มกัน และต้านเชื้อโรค

สาร Galangin และน้ำมันหอมระเหยในข่ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสบางชนิด

3. 🔥 ลดการอักเสบ

ข่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบในระดับเซลล์ เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดข้อ กล้ามเนื้อ หรืออักเสบเรื้อรัง

4. 💗 ป้องกันโรคหัวใจ

ข่าช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) ในเลือด และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

5. 🧠 เสริมสมองและลดเครียด

กลิ่นของข่าช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด และอาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม

🍲 วิธีนำข่าไปใช้ในชีวิตประจำวัน

✅ ปรุงอาหาร

  • หั่นข่าบาง ๆ ใส่ในต้มยำ, แกงป่า, ผัดขี้เมา
  • ข่าแก่ใช้แค่ต้มกลิ่น ไม่ต้องกิน
  • ข่าอ่อนสามารถกินทั้งชิ้นได้

✅ ชงดื่มเป็น “น้ำข่า”

  • ทุบข่าหั่น 3–5 แว่น
  • ต้มกับน้ำ 1 ลิตร 10 นาที
  • ดื่มอุ่น ๆ แก้ท้องอืด หรือดื่มเช้า-ก่อนนอนวันละ 1 แก้ว

✅ ข่าทาภายนอก

  • ข่าบดผสมเหล้าขาว → พอกแก้เคล็ดขัดยอก
  • ใช้น้ำมันข่า → นวดแก้ปวดเมื่อย

⚠️ ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรดื่มน้ำข่าเข้มข้นทุกวันต่อเนื่องเกิน 1 สัปดาห์
  • คนที่มีปัญหากระเพาะควรดื่มข่าหลังอาหาร
  • หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ข่าในปริมาณมาก

🛒 การเลือกซื้อข่าคุณภาพ

  • ข่าแก่: เนื้อแข็ง กลิ่นแรง เหมาะต้ม
  • ข่าอ่อน: เปลือกบาง เนื้อนุ่ม เหมาะกินสด
  • เลือกที่ ปลูกแบบอินทรีย์ ไร้สารเร่งโตหรือยาฆ่าแมลง

🔖 สรุป

ข่า คือสมุนไพรที่ทั้ง “กินอร่อย” และ “เสริมสุขภาพ” ได้ในทุกบ้าน

ข่า… สมุนไพรหาง่ายที่ควรมีไว้ดูแลตัวเองแบบธรรมชาติ

Posted on Leave a comment

ประโยชน์ของ และวิธีกิน “ผักขี้เหล็ก”

ผักขี้เหล็ก

🌿 ผักขี้เหล็ก: สมุนไพรขมที่มีดีมากกว่ารสชาติ

หลายคนอาจหลีกเลี่ยงผักขี้เหล็กเพราะรสชาติที่ขม แต่รู้หรือไม่ว่า…
ขมแบบผักขี้เหล็ก = ยาแบบธรรมชาติ

ผักขี้เหล็กเป็นผักพื้นบ้านไทยที่คนรุ่นก่อนนิยมใช้เป็นยาสมุนไพรจากธรรมชาติ ทั้งยังเป็นอาหารจานเด็ดในเมนูขึ้นชื่ออย่าง แกงขี้เหล็กใส่ปลาย่าง/หมูย่าง อีกด้วย

✅ คุณค่าทางโภชนาการของผักขี้เหล็ก

ในดอก ใบ และยอดอ่อนของผักขี้เหล็ก มีสารอาหารและสารพฤกษเคมีสำคัญ เช่น:

  • แคลเซียม / ฟอสฟอรัส / ธาตุเหล็ก – บำรุงกระดูก เลือด และระบบประสาท
  • สารแอนทราควิโนน (Anthraquinone) – ช่วยระบายอ่อน ๆ และขับลม
  • สารบาราคอลิน (Barakol) – ออกฤทธิ์คล้ายยานอนหลับเบา ๆ อย่างปลอดภัย
  • วิตามิน A / C – เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา

🌟 ประโยชน์ต่อสุขภาพของผักขี้เหล็ก

1. ช่วยให้นอนหลับสบาย

  • สาร barakol มีฤทธิ์คลายเครียด ทำให้นอนหลับดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยา

2. บำรุงโลหิตและขับลม

  • สารสำคัญในผักขี้เหล็กช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และลดอาการท้องอืด

3. ช่วยระบายอ่อน ๆ

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก หรือระบบขับถ่ายไม่ดี

4. ป้องกันโรคจากอนุมูลอิสระ

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์และป้องกันโรคมะเร็ง

🍽️ วิธีเตรียมและกินผักขี้เหล็ก

🌱 ส่วนที่นิยมใช้:

  • ดอกตูม, ใบอ่อน, ยอดขี้เหล็ก

⚠️ ต้องลวกก่อนปรุง!

  • ผักขี้เหล็กมีสารพิษตามธรรมชาติ ที่ต้องกำจัดโดยการลวก 1–2 น้ำก่อนนำไปปรุงอาหาร

เมนูแนะนำ:

  • แกงขี้เหล็กใส่ปลาย่าง (นิยมมากทางภาคกลางและอีสาน)
  • ผัดไข่ขี้เหล็ก (ผัดดอกขี้เหล็กกับไข่ ละมุนลิ้น)
  • ต้มจิ้มน้ำพริก (เหมาะเป็นกับแกล้มสำหรับผู้ใหญ่)

⚠️ ข้อควรระวัง

  • ห้ามบริโภคดิบ เพราะมีสารพิษ (anthraquinone) ที่อาจทำให้ท้องเสีย
  • เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้ใช้ยานอนหลับ/ยาระบายควรระวังการทานร่วม

🌱 สรุป

ผักขี้เหล็กอาจดูเป็นผักขมที่ไม่ค่อยถูกใจใครหลายคน
แต่หากมองในมุมของ “สมุนไพรอาหาร” แล้ว ผักขี้เหล็กคือหนึ่งในสุดยอดพืชที่มีฤทธิ์คล้ายยาแบบอ่อนโยนและปลอดภัย

กินผักขี้เหล็กวันนี้… หลับดี พุงสบาย สุขภาพแข็งแรง

Posted on Leave a comment

ประโยชน์ และวิธีกิน “ผักเชียงดา”

🌿 ผักเชียงดา: สมุนไพรพื้นบ้านที่ถูกขนานนามว่า “อินซูลินจากธรรมชาติ”

“ผักเชียงดา” หรือในบางท้องถิ่นเรียกว่า “ผักเซียงดา” เป็นผักพื้นบ้านของภาคเหนือที่ขึ้นได้ง่ายตามธรรมชาติ มีรสขมนิด ๆ แต่มากด้วยคุณค่าทางยา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่นิยมบริโภคผักชนิดนี้เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

✅ คุณค่าทางโภชนาการของผักเชียงดา

ผักเชียงดาอุดมด้วยสารอาหารและสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์สูง เช่น:

  • กรด gymnemic acid – ยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้
  • ไฟเบอร์ – ช่วยระบบขับถ่าย ควบคุมคอเลสเตอรอล
  • วิตามิน A และ C – เสริมภูมิคุ้มกันและบำรุงสายตา
  • สารต้านอนุมูลอิสระ – ป้องกันความเสื่อมของเซลล์

💊 ประโยชน์ของผักเชียงดาต่อสุขภาพ

1. ลดระดับน้ำตาลในเลือด

  • สารสำคัญในผักเชียงดาช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นกลูโคส
  • จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือเสี่ยงเบาหวานชนิดที่ 2

2. ลดความอยากน้ำตาล

  • ผักเชียงดาสามารถทำให้ลิ้นลดความรู้สึกหวานชั่วคราว
  • จึงช่วยลดความอยากของหวานได้ในบางกรณี

3. ต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย

  • สารโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ในผักเชียงดาช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์

4. ส่งเสริมการทำงานของตับอ่อน

  • มีการศึกษาพบว่าอาจกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนในสัตว์ทดลอง

🍽️ วิธีการกินผักเชียงดาให้ได้ประโยชน์

1. แกงเลียงผักเชียงดา

  • ผสมกับฟักทอง บวบ และกุ้งแห้ง หอมเครื่องสมุนไพรไทย

2. ลวกจิ้มน้ำพริก

  • ลวกผักเชียงดาแล้วจิ้มกับน้ำพริกปลาร้า หรือน้ำพริกกะปิ

3. ผัดไข่

  • ผัดผักเชียงดากับไข่ เป็นเมนูง่าย ๆ แต่รสชาติดีมาก

4. ชาผักเชียงดา

  • ตากแห้งแล้วชงเป็นชา ดื่มก่อนมื้ออาหารเพื่อลดน้ำตาล

⚠️ ข้อควรระวังในการบริโภค

  • ผู้ป่วยที่ใช้ยาลดน้ำตาลอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานร่วมกับผักเชียงดา
  • ไม่ควรบริโภคดิบในปริมาณมาก เพราะอาจมีสารที่ทำให้ท้องอืด

🌱 สรุป

ผักเชียงดาไม่ใช่แค่ผักพื้นบ้านทั่วไป แต่คือ “สมุนไพรพื้นบ้านระดับโลก” ที่มีงานวิจัยรองรับสรรพคุณ
หากเรารู้จักวิธีบริโภคอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ก็สามารถเสริมสุขภาพ และช่วยควบคุมโรคได้อย่างปลอดภัย

กินผักเชียงดา… ลดหวานแต่ไม่ลดสุขภาพ